RSS feed

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลด ( Sun Holo )

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

| | | 0 ความคิดเห็น


Sun Holo หรือ ที่รู้จักในชื่อไทยว่า พระอาทิตย์ทรงกลด โดยมีลักษณะ เห็นพระอาทิตย์เป็นเป็นดวงสุกสว่าง ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง(โดยมากจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ) มีวงแหวนมีลักษณะเป็นรุ้งจางๆ อยู่โดยรอบพระอาทิตย์ สามารถพบได้มากกว่า 1 วง


สาเหตุการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลด

  • ในวันที่มีอากาศหนาวเย็น ทำให้ละอองน้ำในชั้นบรรยากาศเกิดการแข็งตัว เป็นผลึกน้ำแข็ง
  • ผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กที่เกิดในเมฆ ที่ระดับความสูง 5-10 กิโลเมตร ในชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) จะเป็นสาเหตุของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลดนี้
  • ผลึกน้ำแข็งจะทำหน้าที่หักเห และสะท้อนแสง จากพระอาทิตย์ทำให้เกิดแถบรุ้ง ขึ้นรอบพระอาทิตย์
  • ในบางครั้ง ผลึกน้ำแข็ง และละอองน้ำในอากาศ จะทำหน้าที่หักเหแสง ในลักษณะคล้ายเลนส์นูน จึงทำให้เห็นขนาดพระอาทิตย์ใหญ่ ขึ้นกว่าปกติ
คลังภาพ พระอาทิตย์ทรงกลด


ปรากฏการณ์ธรรมชาติพระอาทิตย์ทรงกลด ที่ลานสกีแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2005


ภาพนี้สวยงามมาก เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หายากยิ่ง เมื่อเป็นการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ แบบผสมผสาน ดังต่อไปนี้
  1. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลด(แถบแสงวงกลม ที่เกิดรอบดวงอาทิตย์)
  2. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ Sun dog (จุดแสงเล็กๆ ระดับไหล่ของคนเสื้อส้ม ที่ขอบแนววงแหวน )
  3. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ Parhelic Circle (แถบแสงสว่างที่วิ่งตัดพระอาทิตย์ และ Sun dog ในแนวราบ)
  4. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ Upper Tangent Arc (แถบแสงสว่างด้านบน ที่มีลักษณะนูน หัวคว่ำ )
เทคนิคในการถ่ายรูปพระอาทิตย์ทรงกลด
จะ ต้องหาวัตถุอะไรซักอย่างมาบังพระอาทิตย์ ดังจะเห็นในภาพจั่วหัวจะใช้มุมตึก ส่วนรูปล่างสุดจะใช้หัวคนใส่ชุดสีส้ม มาเป็นวัตถุบังดวงอาทิตย์ เนื่องจากถ้าถ่ายภาพพระอาทิตย์โดยตรง โดยไม่มีวัตถุบังแสง แสงจ้าจากดวงอาทิตย์ จะสว่างบดบัง วงแหวนโดยรอบจนหมดความชัดเจนงดงาม

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระอาทิตย์ ละลาย ( Omega Sunsets )

| | | 0 ความคิดเห็น


Sunsets & Sunrise พระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้น มันเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เมื่อไปเที่ยวจะต้องรอดูพระอาทิตย์ตก หรือ พระอาทิตย์ขึ้น แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นปรากฏการณ์ พระอาทิตย์ละลาย เช่นนี้

รายละเอียด เกี่ยวกับ พระอาทิตย์ละลาย


  • แน่ นอนพระอาทิตย์ไม่ได้ละลายแต่มันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดเป็นภาพลวงตาขึ้น ทำให้เราเห็นเหมือนพระอาทิตย์กำลังละลาย ไหลแผ่ออกไปบนผิวน้ำทะเล แต่มันเกิดจากอะไรนะ?
  • การที่เราเห็นพระ อาทิตย์ละลายนั้นแท้จริง เกิดจากปรากฏการณ์ที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ที่เรียกว่า มิราจ(Mirage) ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายก็คือ ตอนนั่งรถในวันที่อากาศร้อน บางครั้งดูเหมือนจะเห็นบนถนนมีน้ำอยู่ แต่แท้จริงสิ่งที่เห็นว่าเป็นน้ำบนถนน ก็คือเงาสะท้อนของท้องฟ้า ที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ มิราจ
  • เช่นเดียวกันที่เราเห็น พระอาทิตย์กำลังละลายลงบนผิวน้ำ ก็ เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ มิราจ เช่นกัน สิ่งที่เห็นคือเงาสะท้อนหัวกลับของพระอาทิตย์ ที่ปรากฏด้านล่างของพระอาทิตย์ของจริง ที่จะค่อยๆโผล่พ้นน้ำขึ้นมาจนมาชนเชื่อมกับพระอาทิตย์ดวงจริง ทำให้ดูเหมือนพระอาทิตย์กำลังละลาย
  • ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ละลายนั้น เกิดจาก ในเวลากลางวันพระอาทิตย์จะทำให้น้ำทะเลอุ่น เมื่อตกเย็นอากาศจะเย็นตัวลง น้ำทะเลจะคลายความร้อนออกมาทำให้อากาศที่ใกล้ผิวน้ำทะเลอุ่นกว่าอากาศด้านบน เกิดเป็นชั้นอากาศที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน
  • เมื่อแสงอาทิตย์วิ่ง ผ่านชั้นอากาศที่มีอุณหภูมิไม่เท่ากัน แทนที่แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง แสงจะเกิดการหักเหขึ้น ทำให้ภาพที่เรามองเห็นแทนที่จะเป็นผิวน้ำทะเล แสงกับหักเหไปเห็นเป็นพระอาทิตย์แทน
  • พระอาทิตย์ละลายมีชื่อเป็นภาษา อังกฤษว่า Etruscan Vase เนื่องจาก ตอนที่พระอาทิตย์สัมผัสเงาสะท้อนเงาสะท้อนจะแลดูเหมือนฐานแจกัน หรือ Omega เนื่องจากมีลักษณะเหมือนตัว โอเมก้า

ภาพ ที่แสดงให้เห็นถึงปรากกฏการณ์มิราจ แทนที่แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง กับเกิดการหักเหของแสงเนื่องจากอุณหภูมิของอากาศ ทำให้เราเห็นภาพหัวกลับ ของวัตถุในระดับสูงปรากฏที่พื้นดิน

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ พระอาทิตย์ สองดวง บนท้องฟ้า (second sun)

| | | 0 ความคิดเห็น


เป็น เรื่องที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อเหล่านักวิทยาศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าอาจจะภายในปีนี้ จะปรากฏพระอาทิตย์ดวงที่ สอง ขึ้นบนท้องฟ้า ให้ชาวโลกได้เห็น

รายละเอียด

  • พระ อาทิตย์ดวงที่สองนี้ เป็นการเปรียบเปรย ถึงแสงสว่างสุกสกาวขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ที่มนุษย์เราสามารถมองเห็นได้ ความสว่างและยิ่งใหญ่นั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าดวงอาทิตย์ก็ไม่ปราณ
  • ส่วน สิ่งที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน และแสงสว่างมหาศาลนั้นคืออะไร คำตอบก็คือ ดวงดาวสีแดงขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Betelgeuse ที่เดินทางมาถึงวาระสุดท้าย จากการที่มันได้ใช้พลังจากแกนกลางของดวงดาว จนหมดสิ้นทำเกิดการยุบตัว และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเกิดการระเบิดเป็นซุปเปอร์โนว่า(Supernova) ในที่สุด
  • ดาว Betelgeuse เป็นดาวที่สว่างเป็นอันดับที่ 9 บนท้องฟ้า และสว่างเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มดาวนายพราน (Constellation of Orion)
  • ชาวโลกจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้ เสมือนนั่งชมอภินิหารจากพระเจ้า จากจักรวาลอันไกลพ้นกว่า 640 ปีแสง บนโซฟาหลุยส์ ที่จะเปลี่ยน คืน เป็น วัน ในชั่วพริบตา เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือน พร้อมกับการปรากฏของ พระอาทิตย์ดวงที่สอง แต่นี้ก็เป็นเพียงการคาดการณ์ ถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นอย่างไรนั้นก็ได้เพียงขอ มันขึ้นจริงเท่านั้น
  • โดย นาย Brad Carter จากมหาวิทยาลัย the University of Southern Queensland ประเทศ ออสเตรเลีย ได้ออกมายืนยันว่าการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่นี้อาจจะเกิดก่อนปี 2012 หรือ ไม่แน่ก็อาจนานได้ถึง อีก 1 ล้านปี ก็ได้
  • โดย Brad Carter ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อดวงดาวเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต จะพบเห็นอนุภาคขนาดเล็กที่พ่นออกมาเหมือนสายฝน ที่เรียกว่า นิวทริโน(Neutrino)
  • แต่เนื่องจากระยะทางอันห่างไกลจากโลก จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับโลกของเรา
  • ภาพจั่วหัวคือภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars

ข้อมูลอ้างอิง


  • http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-1349383/Earth-second-sun-year-supernova-turns-night-day.html


ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทะเลโฟม ( Whipping Cream Ocean )

| | | 0 ความคิดเห็น
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทะเลโฟม

Whipping Cream Ocean เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทางเหนือของ เมืองซิดนี่ย์ ( Sydney ) ที่ยัมบา ( Yamba ) ของ นิวเซาธ์เวลส์ ( New South Wales ) และได้แปรเปลี่ยนชายฝั่งเป็น คาปูชิโนใน ( Cappuccino Coast ) ฟองโฟมได้ กลืนกินทั้งหาด และอาคารสิ่งก่อสร้างไปกว่าครึ่งหลังที่ก่อสร้างอยู่ริมชายหาด ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์หน่วยกู้ภัยชายหาดท้องถิ่น ฟองโฟมนี้กินอาณาบริเวณออกไป กว่า 30 ไมล์จากชายฝั่ง
โดยนักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายถึงสาเหตุของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้ไว้ว่าเกิดจาก ความบังเอิญหลายอย่างที่ลงตัว ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ได้เกิดสิ่ง สวยงาม แต่มันเกิดจาก สิ่งสกปรกต่างๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทำให้ทะเลสกปรก , เกิดจากเกลือ , เกิดจากปฎิกิริยาทางเคมี , การเน่าเปื่อยของซากพืช ซากสัตว์ในทะเล ปลา ที่เกิดจากน้ำเสียที่มนุษย์ไ้ด้สร้างขึ้น เมื่อทุกอย่างมารวมตัวกันด้วยส่วนผสมที่ลงตัว และมีคลื่นที่เคลื่อนตัวแล้วม้วนตัวลงก็จะทำให้เกิดฟอง และเมื่อคลื่นได้เคลื่อนมากระทบฝั่งจะคลายฟอง ออกมาสะสมอยู่ที่ริมชายหาดสะสมตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ทะเลโฟม
เหล่าเด็กต่างสนุกสนาน ต่อปรากฏการณ์ประหลาดนี้ และลงไปเล่นกันทั้งดำผลุดดำว่าย

ฟองโฟม
ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นสาวกลุ่มนี้ต่างก็แต่งชุดว่ายน้ำลงมาเล่นฟองโฟมกันอย่างสนุกสนาน
แต่ถ้ารู้ถึงสาเหตุของโฟมเหล่านี้แล้ว ก็ไม่รู้จะยังสนุกกันหรือไม่

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆ สวยที่สุดในโลก ( Mammatus Clouds )

| | | 0 ความคิดเห็น
เมฆ สวย

Mammatus Clouds เมฆ แมมมะทูส หรือ เมฆตะปุ่มตะปํ่า (Bumpy clouds) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะทำให้เมฆเกิด เป็นเซล เป็นปุ่มเล็กปุ่มน้อย คล้ายถุงห้อยลงมาจากท้องฟ้า โดยคำว่า "mammatus" มาจากภาษาลาติน mamma แปลว่าเต้านม ซึ่งมาจากการที่ก้อนเมฆมีลักษณะคล้าย เต้านมของวัว โดยแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่ 1 - 3 กิโลเมตร ยืนยาวลงมาประมาณ 0.5 กิโลเมตร เรียงรายยาวหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏการณ์ นี้อาดเกิดขึ้น 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏการณ์ เมฆ แมมมะทูส มีส่วนเชื่อมโยงกับ การเกิดพายุใหญ่ หรือก่อนเกิดพายุ ทอร์นาโด

เมฆ สวยที่สุด

เมฆ สวยที่สุดในโลก

Mammatus Clouds

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ กองทัพ คลื่น แห่ง แม่น้ำอเมซอน ( Pororoca )

| | | 0 ความคิดเห็น
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ คลื่น แห่ง แม่น้ำอเมซอน

Pororoca คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะเกิดประมาณ สองปีครั้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม จากการที่น้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก ( Atlantic Ocean ) ไหลย้อนขึ้นมาใน แม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิล และก่อให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ คลื่นน้ำที่วิ่งต่อๆกันมา ยาวที่สุดในโลก บริเวณปากแม่น้ำ
ลักษณะ ของ กองทัพคลื่น แห่ง แม่น้ำอเมซอน โดยปรากฏการณ์นี้ได้ชื่อว่า " Pororoca " ซึ่งมาจากภาษาพื้นเมืองของชนเผ่า Tupi ที่แปลว่า มหาเสียงกัมปนาท "great destructive noise" เนื่องจากเสียงจากการเกิดคลื่นนี้สามารถได้ยินล่วงหน้ากว่า 30 นาที ก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนตัวมาถึง และมันยังทรงไปด้วยอนุภาพในการทำลายล้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ บ้านชาวพื้นเมือง รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่หาญกล้าท้าทายมัน แต่ก็ยังมีมนุษย์ที่ไม่ยำเกรงมัน กับหลงใหลในพละกำลัง รวมตัวกันโต้คลื่นโดยเริ่มตั้งแต่ปี 1999 แต่นั้นก็เต็มไปด้วยอันตราย เนื่องจากคลื่นน้ำนั้น เต็มไปด้วย เศษไม้ ซุง ซึ่งพร้อมจะเข้ามากระแทรกนักโต้คลื่นได้ทุกเวลา จากการบันทึก นักโต้คลื่นชาวบราซิลเรี่ยน ชื่อว่า Picuruta Salazar สามารถโต้คลื่นได้เป็นระยะทางกว่า 12.5 กิโลเมตร เป็นเวลากว่า 37 นาที

คลื่นแม่น้ำ
ยังมีนักโต้คลื่น เป็นจำนวนมากที่หลงใหล ในคลื่น Pororoca และพร้อมจะเสี่ยงเพื่อสัมผัสมัน และทำให้มันได้รับระดับความน่ากลัว
FEAR FACTOR : High

คลื่นในฝัน ของนักโต้คลื่น
คงไม่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือสถานที่ไหนที่จะนำคุณมาพบ กองทัพ คลื่น ยาวที่สุดในโลก เช่น Pororoca

ลักษณะคลื่น Pororoca

  • คลื่นสูง ได้ถึง 3.6 เมตร
  • ความเร็วคลื่น 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • มีความยาว คลื่นวิ่งต่อกันมากว่า 13 กิโลเมตร
  • ระยะเวลาในการเกิดปรากฏการณ์ มากกว่า ครึ่งชั่วโมง
คลื่นยาวที่สุดในโลก
ตำแหน่งที่ คุณจะได้พบกับคลื่น Pororoca คือบริเวณที่เป็นจุดสีแดง บนแผ่นที่ ที่ตำแหน่ง 00º57'N, 050º00'W

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว ( Penitentes )

| | | 0 ความคิดเห็น
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว

Penitentes เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากรูปแบบการก่อตัวของหิมะ ที่พบได้ในบริเวณที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ โดยมีรูปแบบเป็นแท่งสามเหลี่ยม เรียวยาวสูง ซึ่งสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์นี้ก็มีแสงอาทิตย์เป็นที่ทำให้เกิดรูปทรง ประหลาดนี้ โดย แสงอาทิตย์จะทำให้เกิด รอยบุ่มเป็นจุดๆ กระจายตัวไปทั่วทั้งพื้นหิมะ และรอยบุ่มนี้ก็จะมีแอ่งน้ำเล็กขังอยู่ และอ่างน้ำนี้เมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็จะทำตัวคล้ายเลนส์ รวมแสงส่องลงไปลึกขึ้นๆ เรื่อยๆ จนเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว อันเนื่องมาจากรูปทรงของ น้ำแข็ง นี้คล้ายกับหมวกของพวกนักบวชทรงแหลมสูง

ทุ่งน้ำแข็ง
รูปทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว Nieves Penitentes ที่ระดับความสูง 19,000 ฟุต บน Volcan Aucanquilcha
( Note ชายในรูปที่ใส่เสื้อสีเหลืองมีความสูง 1.80 เมตร )

การค้นพบ ทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว

โดย ทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว นี้เป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกโดยจากงานเขียน ของดาวิน ในปี 1839 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 1835 โดยเขาได้เดินทางจากเมือง Santiago de Chile ไปยังเมือง Argentinian city of Mendoza และระหว่างทางเขาก็ได้พบกับทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว เข้า และเขาได้อธิบายปรากฏการณ์นี้ ด้วยสมมุติฐานว่า เิกิดจากลมจากเทือกเขาเอนดีส ( Andes ) และต่อมาในปี 1954-1965 Lliboutry ที่ได้ทำการศึกษา ปรากฏการณ์นี้มีกุญแจสำคัญคือ ความแตกต่างของการระเหยตัวของหิมะ ซึ่งเกิดจากการที่ ที่น้ำเกิดการกลั่นตัว ภายใต้จุดเยือกแข็ง จึงทำให้น้ำมีความบริสุทธิ์มาก และน้ำที่บริสุทธิ์มากก็ต้องการพลังงานที่สูงกว่าในการละลายตัว ทำให้เกิดบริเวณที่น้ำแข็งไม่บริสุทธิ์ เกิดการระเหยตัวเป็นแอ่งน้ำ เล็กๆกระจายตัวไปทั่วพื้นน้ำแข็ง และละลายลึกลงเรื่อยๆ จนเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาวขึ้น

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แปลก
จะเห็นว่าบางแท่งมีความสูงกว่า 4 เมตร เมื่อเทียบกับคน

นักบวช
ถามว่าทำไมจึงจึงเรียกว่า ทุ่งน้ำแข็งนักบวชขาว ที่มาก็คงมาจากลักษณะรูปทรง
ที่คล้ายหมวกที่นักบวช พวกนี้สวมใส่อยู่

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สายฟ้า แห่ง ภูเขาไฟ สวยที่สุดในโลก ( Volcanic Lightning )

| | | 0 ความคิดเห็น
Volcanic Lightning

Volcanic Lightning เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิด ภูเขาไฟระเบิด จะเกิด พายุสายฟ้า ขึ้นในเถ้าภูเขาไฟที่กำลังพวยพุ่งขึ้นเหนือ ภูเขาไฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุ ของ ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง นั้นน่าจะคล้ายการเกิด พายุสายฟ้า ( Thunderstorms ) และในการสัมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศ TPOD เมื่อ 17 กันยายน 2004 เหล่านักวิทยาศาสตร์ ได้สัมนากันว่าปรากฏการณ์นี้ อาดเกิดจากการที่อนุภาคของเถ้าภูเขาไฟเกิดการพุ่งชนกัน ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขึ้นในอนุภาคของเถ้าภูเขาไฟ และเป็นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าขี้น ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีสมมุติฐานใหม่ ว่าอาดเกิดจากที่เม็กม่า ได้ปลดปล่อยความชื้นออกมา

ภูเขาไฟระเบิด กับ ฟ้าผ่า
เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Chaitin ในประเทศชิลี ระเบิด เมื่อ 6 พฤษภาคม 2008 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) อย่างสวยงาม อลังการ

ทำไม การระเบิดของภูเขาบางครั้งจึงเกิด โวลเคนิก ไลทนิ่ง

Why ทำไม จึงเกิดปรากฏหการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง แค่บางครั้ง การระเบิดบางครั้งที่ปล่อยเถ้าภูเขาไฟจำนวนมาก แต่เกิดฟ้าผ่าเพียงเล็กน้อย หรือไม่เกิดฟ้าผ่าเลย แต่การระเบิดบางครั้งที่มีเถ้าภูเขาไฟน้อย แต่เกิดฟ้าผ่าจำนวนมาก หินภูเขาไฟที่พ่นออกมาสามารถอธิบายได้ว่าถ้าหินภูเขาไฟมีความต้านทานไฟฟ้า สูง จะมีโอกาศที่จะเกิด ปรากฎการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง มากขึ้น จึงอาดจะอธิบายได้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน อย่างสายไฟไส้ทองแดง ( ทองแดงมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ ) สายไฟจะไม่เกิดความร้อนและ ประกายไฟขึ้น แต่ถ้ากระแสไฟฟ้าขนาดเท่ากันไรผ่าน ทังค์สแตน ( ไส้หลอดไฟ ) จะเห็นว่าไส้หลอดจะเกิดแสงสว่าง และความร้อนขึ้น


ภาพปรากกฏการณ์ธรรมชาติ สายฟ้าแห่งภูเขาไฟ เมื่อเดือนมกราคม 2010 ที่ภูเขาไฟ Sakurajima ในเมือง Kagoshima ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น

ภูเขาไฟระเบิด กับ ฟ้าผ่า
เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Sakurajima ระเบิด เมื่อ 18 พฤษภาคม 1991 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) เครดิตรูปภาพโดย Sakurajima Volcananological Observatory

ภูเขาไฟระเบิด กับ ฟ้าผ่า
เหตุการณ์ ภูเขาไฟ Pinatubo ในประเทศฟิลิปปินส์ ระเบิด ในปี 1991 พร้อมกับการเกิด ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning)

ภูเขาไฟระเบิด กับ ฟ้าผ่า
ภูเขาไฟ Redoubt ระเบิดใน Alaska และเกิด Volcanic Lightning


ภาพ นี้เป็น ภาพจาก ภูเขาไฟไอยาฟยาพลาเยอร์คูดุล ระเบิด ที่ประเทศไอซ์แลนด์ เมื่อช่วงเมษายน 2010 ที่ก่อให้เกิดเถ้าภูเขาไฟ ฟุ้งกระจายไปทั่้วยุโรป ทำให้สายการบินต่างต้องหยุดบิน
มีผู้โดยสารตกค้ากว่า ล้านคน จากการระเบิดครั้งนี้
<< อ่านข้อมูลเพิ่มเติม ภูเขาไฟไอยาฟยาพลาเยอร์คูดุล ระเบิด คลิกที่นี้ >>

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ รุ้ง กินน้ำ สวยที่สุดในโลก ( Rainbow )

| | | 0 ความคิดเห็น
รุ้งกินน้ำ
Rainbow รุ้งกินน้ำ เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการที่แสง ได้เกิดการหักเหของแสงที่เกิดขึ้นในระอองน้ำ สะท้อนออกมาทำให้เห็นสีของแสงทั้ง 7 สี คือ สี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง

รุ้งกินน้ำจะมี อยู่ 2 ชนิด คือ

  1. รุ้งปฐม ภูมิ เกิดจากแสงตกกระทบหยดน้ำทางขอบบน เกิดการหักเห 2 ครั้ง สะท้อนกลับหมด 1 ครั้ง โดยจะเห็นเป็นสีต่าง ๆ กันมีสีแดงอยู่บนและมีสีม่วงอยู่ล่างสุด จะเกิดเป็นรุ้งตัวล่าง (มีสีเข้มกว่าตัวล่าง)
  2. รุ้งทุติย ภูมิ เกิดจากแสงตกกระทบหยดน้ำทางขอบล่าง เกิดการหักเห 2 ครั้ง สะท้อนกลับหมด 2 ครั้ง โดยจะเห็นเป็นสีต่าง ๆ กันมีสีม่วงอยู่บนและมีสีแดงอยู่ล่างสุด จะเกิดเป็นรุ้งตัวบน

รูปภาพ รุ้งกินน้ำ สวยๆ


รุ้งกินน้ำ
รุ้งกินน้ำ สองตัว ซ้อนกัน ภ่ายที่ทุ่งใน Whitestone , Alaska

รุ้ง
รุ้งกินน้ำ สองตัวซ้อนกัน และมีเงาสะท้อนรุ้งกินน้ำในน้ำด้วย ภาพภ่ายที่ Kansas , สหรัฐอเมริกา

rainbow
ภาพภ่าย รุ้งกินน้ำ จากเครื่อง เฮลิปคอปร์เตอร์ ( เขาว่าเราสามารถเห็นรุ้งกินน้ำแบบเต็มวงได้ถ้าเราอยู่บนที่สูงเช่น บนเครื่องบิน )

รุ้ง กินน้ำ
ภาพ รุ้งกินน้ำ สุดสวยน้ำอาดจะดูผิดธรรมชาติ เนื่องจากการใช้เทคนิคภ่ายที่เรียกว่า " HDR Technique "

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆจานบิน ( Lenticular cloud )

| | | 0 ความคิดเห็น
ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน

Lenticular เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า รูปทรง เลนส์ (Lens - Shaped ) เมฆรูปทรงเลนส์ ( Lenticular cloud ) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แสนประหลาด และสวยงาม มันช่างดูคล้าย จานบิน ไม่มีผลิต และหากปรากฏการณ์ เมฆรูปทรงเลนส์ ก็ขึ้นในสมัยก่อน รูปภาพวัตถุบินลึกลับ ต่างที่มีการจารึกไว้ก็อาดเป็น ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นไปได้

สาเหตุของการเกิด เมฆจานบิน

เมื่อ อากาศชื้นอิ่มตัวพัดผ่านยอดเขาสูง หรือบริเวณภูเขา จะทำให้เกิดการไหลของกระแสอากาศชื้น แบบลูกคลื่นขนาดใหญ่ หลายระลอกขึ้น เมื่ออากาศชื้นถูกพัดไหลขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ตามระลอกคลื่นอุณหภูมิจะค่อยลดลงเรื่อยจนถึงจุดที่ทำให้ อากาศชื้นเริ่มกลั่นตัว ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน เมื่อเมฆไหลลงมาต่ำเรื่อยๆอุณหภูมิจะสูงขึ้น เมฆจะค่อยๆระเหยกับไปอยู่ในสภาพของอากาศชื้นอีกครั้ง

ปรากฏการเมฆจานบิน
รูปทฤษฎี การเกิดปรากฏการณ์ เมฆจานบิน โดยความสูงที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้จะอยู่ที่ระหว่าง 6,000 - 12,000 เมตร

คลัง รูปภาพ เมฆจานบิน


ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆ จานบิน
ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน เกิดขึ้นที่ภูเขา Mt.Rainier ในรัฐ Washington เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2009

เมฆ สวยที่สุดในโลก
ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน เกิดขึ้นที่ภูเขา Mt.Rainier ในรัฐ Washington

เมฆ สวยสุดยอด
ปรากฏการณ์ เมฆจานบิน เกิดขึ้นที่ภูเขา Mt.Rainier ในรัฐ Washington

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล ( Ice Circle )

| | | 0 ความคิดเห็น
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ  ไอส์เซอร์เคิ้ล

Ice Circle ไอส์เซอร์เคิ้ล เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พบเห็นได้ยาก และสมมุติฐานที่เป็นที่ยอมรับกันถึงสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล นี้เกิดจากการที่ ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็น น้ำแข็งจากบริเวณกึ่งกลางของผิวน้ำ แล้วค่อยๆก่อตัวตามขอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องประกอบกับแหล่งน้ำจะต้องไหลเอื่อยๆ เพื่อให้เกิด น้ำแข็ง สามารถก่อตัวบริเวณขอบ ขณะหมุนขยายตัวออกมาเรื่อยๆ จนไปชนกับขอบน้ำแข็งแผ่นอื่นๆ ไอส์เซอร์เคิ้ล บางแผ่นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร อาดจะพบอยู่เดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก็ได้

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ  ไอส์เซอร์เคิ้ล
ไอส์เซอร์เคิ้ล วงนี้ถ่ายที่ Norwalk เมื่อ 2003

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ  ไอส์เซอร์เคิ้ล
ไอส์เซอร์เคิ้ล วงนี้ถ่ายที่ Amasa, Michigan in 2006

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้ 1 ใน ปริศนาทางธรรมชาติ ( Sailing Stones )

| | | 0 ความคิดเห็น
หินเดินได้

Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่

แผนที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)
แผนที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)

ข้อมูลเกี่ยวกับเรซแทรค พลาย่า (Racetrack Playa)

เรซ แทรค พลาย่า เป็นแอ่งทะเลสาบที่ค่อนข้างราบและแห้งแล้ง มีความยาวในแนวเหนือ-ใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร และกว้างในแนวตะวันออก-ตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะพื้นผิวเป็นระแหงโคลน (mud cracks) ส่วนมากประกอบด้วยตะกอนขนาดทรายแป้ง (silt) และดินเหนียว (clay)
สภาพ ภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง มีปริมาณน้ำฝนเพียงสองนิ้วต่อปี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก น้ำปริมาณมากจะไหลจากภูเขาสูงชันที่อยู่ล้อมรอบเรซแทรค พลาย่าลงมาปกคลุมพื้นที่แอ่งจนกลายเป็นทะเลสาบตื้น ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนั้นบริเวณพื้นแอ่งจะเต็มไปด้วยดินเหนียวที่เหลวและอ่อนนุ่ม

ปรากฏการณ์ ดินเดินได้ เกิดจากมนุษย์ หรือ สัตว์ หรือไม่


จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น

หินเดินได้ ปริศนา หินเดินได้
จะเห็นว่า หินทุกก้อน ไม่มีร่องรอย ของการเข้าไปรบกวน หรือทำการเคลื่ยนย้ายโดยคน หรือสัตว์ เพราะไม่มี รอยเท้า และพื้นที่ก็กว้าง เกินกว่าจะใช้ไม้หรือวัตถุเขี่ยถึง

สมมุติฐานของ การเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้


  • ทาง สมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก ลม ตัวการที่นิยมนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์นี้ก็คือ ลม โดยส่วนมากลมที่พัดผ่านบริเวณนี้จะมีทิศทางพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยัง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องรอยการไถลของหินก็มีทิศทางขนาดกับทิศทางของลมนี้ด้วย แต่ ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน ได้แย้งว่ากระแสลมใน เรซแทรค พลาย่า สามารถทำให้ เดินน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และ ถ้าต้องการให้ ดินเดินได้เป็นระยะตามที่ปรากฏ จะต้องมีกระแสลมแรงกว่า 145 กิโลเมตร / ชั่วโมง
sailing stones
จะเห็นว่าหิน บางก้อนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรง ตามกระแสลมเสมอไป แต่นั้นก็อาดจากการที่กระแสลมเปลี่ยนทิศก็เป็นไปได้

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้
หินบางก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 100 กิโลกรัม ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้
  • บาง สมมุติฐาน อ้างว่าเกิดจาก น้ำแข็ง คนกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่าเคยเห็นเรซแทรค พลาย่าถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ แนวคิดหนึ่งอธิบายว่าเมื่อน้ำรอบก้อนหินแข็งตัวและแต่ต่อมามีลมพัดผ่านผิว ด้านบนของน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งได้ลากก้อนหินนั้นไปด้วย จึงเกิดรอยครูดไถลบนพื้นผิวแอ่ง นักวิจัยบางคนพบร่องรอยไถลของหินหลายก้อนที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ด้วย แต่ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนย้ายแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นคาดว่าจะต้องมีการ ทิ้งร่องรอยบนพื้นผิวแอ่งในทิศทางอื่นๆ ด้วย แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยนั้น
ปรากฏการณ์แปลก หินเดินได้ ประหลาด หินเดินได้
และนั้นจึงทำให้มันยังคง เป็น ปริศนา ที่ต้องมีการศึกษาและ หาคำตอบกันอีก ต่อไป

คลิปปรากฏการณ์ธรรมชาติมหัศจรรย์